วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

we smarter than me

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ หาเรื่องดี ๆ ใส่ตัว เขียนโดยคุณประภาส ทองสุข เป็นหนังสือที่รวมบทความ ของผู้เขียน ซึ่งเป็นคอลัมนิสต์ ในกรุงเทพธุรกิจ
เป็นหนังสือไม่กี่เล่ม ที่อ่านรวดเดียวจบ และเพลินมาก คุณประภาส ฯ มีมุมมองที่น่ารักมากมาย เป็นมุม ที่สนุกสนาน และทำให้เรานึกตามไปด้วยพร้อมกับพึมพำไปด้วยได้ง่าย ๆ เออ เนอะ นั่น สิ ฮืมมม์ เหมือนเราเลย อะไรทำนองนี้
ความที่บ้านของเราเป็นบ้านรักการอ่าน และมีความเป็นครอบครัวสูง นั่นจึงเป็นที่มาของความอบอุ่นจากการได้ฟังนิทานก่อนนอนเป็นประจำ นิทานทั้งหลายที่แม่เล่า ล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเพื่อน มิตรภาพและความรัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความช่วยเหลือที่หนูมีต่อราชสีห์ หรือเรื่องของม้าอารีที่ใจดีแบบตัวเองต้องเดือดร้อน หรือเจ้าหมีพูห์ กับเพื่อนรัก พิกเล็ตต์ และเรื่องที่ชอบที่สุดคือ “เจ้าชายน้อย” มิตรภาพที่ใช้หัวใจมอง ของเจ้าชายน้อยกับสุนัขจิ้งจอก เป็นต้น
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ความฝังใจเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน และความรู้สึกดี ๆ เกี่ยวกับมิตรภาพ และความผูกพันจึงมีอิทธิพลอย่างยิ่ง และเมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้ ประกอบกับประสบการณ์ในหน้าที่ นักประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานภาครัฐ ความภาคภูมิใจในองค์การ ที่แสดงออกด้วยการทุ่มเทในการทำงานเพื่อสร้างความเข้าใจและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับหน่วยงาน เมื่อประกอบเข้ากับเพื่อนร่วมงานที่มีความรักและสนุกสนานในการทำงาน ทำให้เรารู้ซึ้งถึงคุณค่าของทีม ยิ่งทำให้คล้อยตามคุณประภาส มากยิ่งขึ้น
จริงอยู่ แต่ละคนมาจากที่ต่าง ๆ กันพื้นฐานครอบครัว สถาบันการศึกษา และอุปนิสัยใจคอทีมงานของเรา ยังต่างกันทั้งอายุงาน อายุตัว ความถนัด ทักษะ และความสามารถเฉพาะตัวต่าง ๆ แต่เมื่อมารวมกัน เราสามารถผลักดันงานใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นงานระดับองค์การและสาธารณะให้ประสบความสำเร็จและได้รับคำชมเชยจากผู้บังคับบัญชาอยู่เสมอ
ความเป็นทีมของเรา เริ่มต้นในทุก ๆ เช้า ที่แทบทุกวันจะคล้าย ๆ กัน เว้นแต่เมื่อเกิดวิกฤตขององค์การ โดยเราจะเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยการนั่งอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ (แทบทุกฉบับที่พิมพ์ออกจำหน่าย) ด้วยกันแทนการจ้าง clipping ด้วยเหตุผลที่ว่า พวกเราจะได้รับทราบข่าวสารในแง่มุมต่าง ๆ นอกเหนือจากเรื่องของหน่วยงานของเราแต่เพียงด้านเดียว การแบ่งปันความรู้ของทีมงาน นอกเหนือจากการแนะนำงานหรือช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดจากความผิดพลาดในการทำงานร่วมกัน รับผิด และรับชอบด้วยกัน ในทุก ๆ เรื่อง ต่อเนื่องและยาวนาน ผูกพันจนเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมของทีมประชาสัมพันธ์ก็ว่าได้
และด้วยเหตุที่เราศรัทธาและเชื่อมั่นในความเป็นทีม ทำให้เราสามารถขับเคลื่อนภาระงานต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี ในขณะที่มีบุคลากรเพียงไม่กี่คน เมื่อได้อ่านข้อเขียนของคุณประภาส ที่ว่าด้วยการทำงานเป็นทีม We are smarter than Me จึงกระแทกใจของฉันเข้าอย่างจัง
WE ได้สร้างความร่วมมือ ในการติดต่อประสานงานจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
WE ช่วยเปลี่ยนความยุ่งยากซับซ้อนของการทำงานให้เป็นเรื่องสนุกสนาน
WE สามารถก่อร่างสร้างความประทับใจ ให้หน่วยงานภายนอกได้รับรู้และเข้าใจองค์การของเรา จนยึดโยงกลายเป็นเครือข่ายที่กว้างขวาง
ดังนั้น WE สำหรับฉันและพวกเราในทีม จึงมีความหมายที่กว้างไกล เพราะมันเป็นมากกว่าวัฒนธรรมประจำทีม แต่มันหมายถึง หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เกี่ยวข้องกับองค์การ stakeholders ผู้มีคุณูปการทั้งหลาย พี่น้องประชาชนที่ผูกพันเชื่อมโยงกันผ่านโครงการต่างๆ เพื่อสังคม
และที่สำคัญก็คือ WE ทำให้เราเดินไปได้ไกลกว่า ฉลาดกว่า และมั่นคงกว่าการเดินตามลำพังเฉพาะ ME แม้ว่าเราทุกคน จะมีแสงสว่างในตัวเอง แต่ถ้าเราได้ส่องแสงเพื่อคนอื่นด้วย โลกจะสว่างมากขึ้นอีกแค่ไหน ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกัน